EXIM BANK เผยส่งออกไทยไปรัสเซีย-ยูเครน เพียง 0.4-0.5% ของมูลค่าส่งออกรวม แต่ผู้ส่งออกต้องเตรียมรับมือความเสี่ยงทางการค้า “อัตราแลกเปลี่ยน-วิธีรับชำระเงิน”
วันที่ 2 มีนาคม 2565 นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศไทยอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ในปัจจุบันเท่าไรนัก
เนื่องจากไทยส่งออกไปรัสเซียและยูเครนเพียง 0.4% และ 0.05% ของมูลค่าส่งออกรวม ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปรัสเซียและยูเครน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก
อย่างไรก็ตาม ในทางอ้อม ผู้ส่งออกไทยอาจประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากรัสเซียซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานของโลก โดยเฉพาะการเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และสินแร่ต่าง ๆ ถูกมาตรการลงโทษ ทำให้ส่งออกสินค้าดังกล่าวยากลำบาก เช่นเดียวกับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชชนิดต่าง ๆ ซึ่งรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ของโลก
“เมื่อเกิดปัญหาความตึงเครียดส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน และวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้นตาม ซึ่งในที่สุดอาจกระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ผู้ส่งออกไทยควรต้องบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศและบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการขนส่ง เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าและการเมืองระหว่างประเทศ ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ซึ่งล่าสุดเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงถึงราว 30% จากต้นปี 2565 ผู้ประกอบการไทยจึงควรบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงการปรับวิธีการชำระเงินค่าสินค้า เป็นต้น โดย EXIM BANK มีบริการให้คำปรึกษาแนะนำเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสมให้แก่ผู้ส่งออก
“EXIM BANK ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายและลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งในตลาดรัสเซีย ยูเครน และทวีปยุโรปโดยรวม ซึ่งไทยส่งออกไปยุโรปคิดเป็น 10% ของมูลค่าการส่งออกรวม แม้ว่าปัจจุบันผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด
แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น อาจส่งผลต่อภาพรวมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากนักท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้อาจชะลอการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยและการส่งออก ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นในปีนี้”
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance