หุ้นไทยปิด +13.84 จุด โบรกฯ ชี้ SET INDEX ปรับตัวตามตลาดภูมิภาค รับข่าวเฟดส่งสัญญาณทยอยขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งปีนี้ ประเมินเม็ดเงินไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น มองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้มีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องแนวต้านที่ 1,700 จุด และแนวรับที่ 1,677 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 มีนาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +13.84 จุด หรือ +0.83% มูลค่าการซื้อขาย 97,760.69 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมดัชนีในวันนี้ส่วนใหญ่มีการแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,686.45 จุด ขณะเดียวกัน ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,677.19 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,123 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 637 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 682 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 7,146.64 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -5,751.38 ล้านบาท ส่วนบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -838.00 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -557.26 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BBGI มูลค่าการซื้อขาย 4,496.90 ล้านบาท ปิดที่ 10.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,720.21 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,318.65 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,994.02 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,912.96 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 207.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 2.48%
2.EA ปิดที่ 89.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือ 4.39%
3.EGCO ปิดที่ 172.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.77%
4.GPSC ปิดที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.58%
5.IVL ปิดที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 4.52%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 143.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.38%
2.TIDLOR ปิดที่ 39.75 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.05%
3.ADVANC ปิดที่ 234.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.43%
4.RATCH XD ปิดที่ 44.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.11%
5.SINGER ปิดที่ 49.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.01%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,310.10 จุด เพิ่มขึ้น 15.90 จุด หรือ 0.69% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 1,019.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด หรือ 0.71% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 608.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด หรือ 0.58%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงทิศทางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชัดเจนอีก 6 ครั้งในการประชุมครั้งที่เหลือตลอดปีนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดถึงมาตรการลดขนาดงบดุล (QT) ซึ่งยังไม่ได้เริ่ม โดยเฟดจะมีการประชุมครั้งถัดไปในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้าหรือในวันที่ 2-3 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นยังมี upside ในเดือน เม.ย.โดยเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) คาดว่าจะไหลเข้าต่อเนื่องในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงจ่ายเงินปันผล โดยอาร์เอชบีฯ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาทั้งปีนี้ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จากต้นปีตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ถึงปัจจุบันมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วกว่า 90,000 ล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเร่งเข้ามาในช่วงนี้เพราะในช่วงเดือนเมษายน ประเทศไทยมีวันหยุดนักขัตฤกษ์นานหลายวัน ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้มองว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อโดยให้แนวต้าน 1,700 จุด และแนวรับที่ 1,677 จุด ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนติดตามปัจจัยการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดทุนโดยรวมด้วย
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket/