CHAYO ประกาศงบปี 2564 สวย รายได้รวม 720 ล้านบาท โต 50 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ขณะที่กำไรโตหรูไม่แพ้กัน โดยมีกำไรสุทธิ 222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้การขายสินทรัพย์หนุน โดยสิ้นปี 2564 มีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพบริหารกว่า 73,000 ล้านบาท ตั้งเป้าในระยะ 3 ปี 2565-2567 เติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20-25% ต่อปี และคาดว่าปี 2565 จะใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2564 มีรายได้รวม 720.39 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 241.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.36 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดจาก การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 244.61 ล้านบาท และรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 21.82 ล้านบาท
ในปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 543.01 จากปี 2563 อยู่ที่ 361.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.22 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 222.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 67.24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 75.40-75.50 ของรายได้ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 30.82
ทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ได้เข้าเจรจาซื้อพอร์ตหนี้จากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะซื้อหนี้มาบริหารได้ประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาท (ทั้งนี้ไม่รวม JV ที่จะจัดตั้งกับสถานบันการเงินตามนโยบายของ ธปท.)
“ปี 2565 ยังคงเป็นปีแห่งโอกาสของ CHAYO ในการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร รวมถึงการจัดตั้ง JV ร่วมกับสถาบันการเงิน โดยบริษัทคาดว่าหนี้เสียยังคงอยู่ในปริมาณที่สูง และสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้เสียมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะรุกธุรกิจซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่เรามีความเชี่ยวชาญ สามารถสร้างการเติบโตทั้งในแง่ของยอดขายและกำไร และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกธุรกิจปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อในปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าในปี 2565 บริษัทจะโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน และมั่นใจบริษัทจะรักษาระดับนี้ได้ในปี 2566-2567 ด้วยเช่นกัน” นายสุขสันต์ กล่าว
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket